วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

Training : ทางออกของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์?

สวัสดีครับ

ผมมีโอกาสได้ สนทนากับ HR ของธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งให้ความสำคัญกับพัฒนาบุคลากรอย่างมาก มีการจัดทำ Training Roadmap และมีการคัดเลือกบริษัทฝึกอบรมและวิทยากรอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งมีการทำสัญญากันระยะยาว 

ผมได้เรียน HR ท่านนั้นไปว่าเป็นการดีที่มีการจัดทำ Roadmap ที่เป็นแบบแผน การคัดเลือกบริษัทฝึกอบรมหรือวิทยากรอย่างเข้มงวดนั้นก็เป็นความรอบคอบที่จะให้ได้มาซึ่งการจัดฝึกอบรมที่มีคุณภาพ ซึ่งจากประสบการที่ผมพบ การคัดเลือกวิทยากรนั้น ส่วนใหญ่ HR มักเลือกจาก คนที่มีชื่อเสียง ประสบการณ์และความรู้ในเรื่องที่พูดเป็นอย่างดี แต่หลายๆ ครั้ง คุณภาพของการเรียนการสอน ก็ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง 

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

ผมเรียน HR ท่านนั้นว่า การจัด Training นั้นก็เปรียบเสมือนกับการ ออกเทป (ซึ่งจะว่าไปเดี๋ยวนี้เป็น CD/MP3 กันหมดแล้ว)  นักร้องที่เสียงดี Entertain เก่ง ไม่จำเป็นว่าจะสามารถ แต่งเพลง ทำดนตรีได้ดี  ในขณะเดียวกัน คนที่แต่งเพลงทำดนตรีได้ดี ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นนักร้องที่ดีได้ ดังนั้นถ้าจะเปรียบเทียบกัน

ผู้สื่อสาร หรือ วิทยากร ก็เหมือน นักร้อง คือ เสียงเพราะ หน้าตาดี ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ทุกรูปแบบนั่นคือ ครบ

เนื้อหาการบรรยาย ก็เหมือนกับ คำร้อง/ทำนอง คือ ถ้าดีจริงๆ จะให้นักร้องคนไหนร้องก็ต้องดัง แต่ถ้าดีไม่จริงก็ต้องอาศัยนักร้องหน้าตา น้ำเสียง การแสดงออกดี เป็นตัวช่วย 

ประวัติและประสบการณ์นั้น ก็เปรียบเสมือน หน้าตา ซึ่งจะเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจ 

ถ้าเราจะซื้อ ซีดี ซักแผ่น เราคงต้องอย่างน้อย เคยฟังเพลงโปรโมท ผ่านทางวิทยุ หรือ เคยฟังผลงานเก่าๆ ของศิลปินมาบ้างแล้ว ซึ่งชื่อก็เป็นตัวการันตีได้ระดับหนึ่ง แต่สำหรับการจัดหาบริษัท ฝึกอบรม มีกี่ครั้งที่ HR ได้เคยสัมผัสกับการบรรยายจริงๆ ของวิทยากร 

ดังนั้น ถ้ามีโอกาส ผม สนับสนุนให้ HR ทุกท่าน หาประสบการณ์ตรงจากวิทยการแต่ละคนเสียก่อน ไม่ว่าจะไปสังเกตการณ์ หรือให้ทำ mini presentation ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ จะใช้สอบถามจากผู้ที่ใช้บริการก็พอได้ (แต่ก็เหมือนกับ การถามว่า ก๋วยเตี๋ยว ร้านนี้ ร้านนั้น อร่อยหรือเปล่า คำตอบก็แตกต่างกันไป แต่ถ้าถามหลายๆ คนก็พอได้เค้า) 

ผมยังเรียน HR ท่านนั้นต่อว่า Training นั้นเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ วิธีในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิธีการอื่น ๆ  ที่ทำได้ก็เช่น
  • การมอบหมายหน้าที่พิเศษ
  • การหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าที่การทำงาน
  • การดูงาน
  • On the job training (OJT)
  • การศึกษาด้วยตนเองเช่น อ่านหนังสือ / e-learning
  • Coaching (การโค้ชซึ่งไม่ได้จำกัดความแค่การฝึกสอน แต่เป็นการช่วยให้ผู้ถูกโค้ชพบคำตอบด้วยตนเอง)
  • Mentoring  (การเป็นพี่เลี้ยง ชี้แนะ ให้คำปรึกษา)
  • การสร้างสภาพแวดล้อม/วัฒนธรรม ที่เอื้อต่อการบรรลุวัตถุประสงค์
  • การสร้างแรงจูงใจ
  • Book briefing (มอบหมายให้อ่านหนังสือและนำมาถ่ายทอดกับเพื่อนร่วมงาน)
ดังนั้น การนำเสนอหลักสูตร training ต่างๆ เป็นเพียง 1 ในหลายๆ ทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เท่านั้น แต่ Training นั้นมีข้อดีคือ ง่าย และชัดเจน ว่าจะถ่ายทอดอะไร ให้ใคร แต่โดยมาก การ training นั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (หรือมีในระยะสั้น) สิ่งสำคัญคือต้องมีการ follow up จากภายในองค์กรเอง มิเช่นนั้น ก็จะไม่เิกิดการบรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริง

ผมคงจะได้ขยายความต่อไป ว่าเครื่องมือต่างๆ เหมาะสมจะใช้ในกรณีใด มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง และการ follow up ภายหลังการ training จะทำอย่างไร  โอกาสหน้า พบกันครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น