วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2552

การทำแผนปฏิบัติการประจำปี

ช่วงต้นๆ ปีอย่างนี้ หลายบริษัทคงเริ่มนำแผนปฏิบัติการประจำปีที่ได้ทำไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาใช้กันนะครับ บางบริษัทอาจจะเพิ่งเริ่มทำตอนนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป และสำหรับบริษัทที่ไม่ได้มีแผนการอะไรไว้เลย อย่างน้อยก็ควรมีการคาดการณ์อนาคตไว้บ้างก็ยังดี 

จากข้อมูลการวิจัยพบว่า การทำแผนปฏิบัติการนั้นมีความสัมพันธ์กับขนาดวัฒนธรรม ขององค์กร กล่าวคือ 
  • องค์กรที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ก็ มีแนวโน้มที่จะทำแผนปฏิบัติการที่เป็นแบบแผนมากขึ้น 
  • วัฒนธรรมการทำงานแบบเถ้าแก่ v.s. มืออาชีพ อันนี้ก็เห็นได้ชัดในเรื่องของการวางแผน
อย่างไรก็ดี การทำแผนหรือไม่นั้นก็ไม่ได้เป็นปัจจัยบ่งชี้ของการประสบผลสำเร็จเสียทีเดียว เพียงแต่การจัดทำแผนที่เป็นรูปแบบนั้น จะช่วยให้สามารถบริหาร ควบคุม และชี้วัดผลการดำเนินการได้ดีกว่า 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องการทำแผนงาน จากประสบการณ์ที่ผมพบบ่อย คือ พนักงานที่ได้รับมอบหมายให้วางแผนปฏิับัติการให้หน่วยงานของตนเองนั้น มักมีปัญหาว่า ไม่รู้จะเขียนแผนอะไรดี และเขียนอย่างไร สำหรับคำถามว่าจะเขียนแผนอะไรดีนั้น มีวิธีการดังต่อไปนี้
  1. ควรต้องรู้วิสัยทัศน์ ภาระกิจ วัตถุประสงค์ รวมไปถึงกลยุทธ์หลักขององค์กร เป็นอันดับแรก จากนั้นจึงสามารถวาง วิสัยทัศน์ ภาระกิจ และแผนปฏิบัติการของหน่วยงานของตนเองให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และวัตถุประสงค์หลักของบริษัท
  2. ทำ SWOT Analysis ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยมากๆ ในการทำ SWOT แบบไทยๆ คือ มักกำหนดเรื่องบางเรื่องเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งในเวลาเดียวกัน ซึ่งความจริงแล้ว ควรจะเป็นสักอย่างหนึ่ง โดยต้องมองให้รอบคอบก่อน จึงตัดสินใจ และที่สำคัญ เมื่อได้ SWOT ออกมาแล้ว เราำำก็สามารถวางแผนอย่างไรเพื่อใช้จุดแข็งและโอกาสสร้างผลงานให้กับหน่วยงาน และจะแก้ไขจุดอ่อนหรือรับมือกับอุุปสรรคอย่างไร  สิ่งที่พบได้บ่อยคือ เมื่อมีจุดแข็งแล้วไม่ได้วางแผนที่จะใช้จุดแข็งให้เกิดประโยชน์ หรือไม่ได้วางแผนที่จะปรับปรุงจุดอ่อน ซึ่งเท่ากับว่าทำ SWOT ไว้เป็นพิธีเท่านั้น
  3. มองย้อนกลับไปที่ผลงานในปีที่ผ่านมาว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุง แก้ไข พัฒนาบ้าง ซึ่งบริษัทที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบก็จะมีการบันทึก ข้อมูล หลักฐาน ไว้เพื่อเตรียมวางแผนได้ ในขณะที่องค์กรที่อาศัยความจำของบุคลากร ก็อาจมีการผิดพลาดตกหล่นได้
  4. ถามตัวเองด้วยคำถามหลัก 3 ข้อดังนี้ 4.1 หน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานคืออะไร 4.2 ความคาดหวังต่อหน่วยงานของเราคืออะไร ซึ่งความคาดหวังนี้ควรคำนึงถึงความคาดหวังทั้งจากภายนอกและภายในหน่วยงานของเราเอง 4.3 สิ่งท้าทายของหน่วยงานเราคืออะไร ซึ่งเมื่อตอบคำถามทั้ง 3 ข้อนี้ได้แล้ว ก็จะนำมาซึ่งแนวทางที่จะนำไปสร้างเป็นแผนงานประจำปีได้
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่จะมีการวางแผนนั้น ต้องรู้ก่อนว่าเราจะทำอะไร ไปเพื่ออะไร จากนั้นในการลงรายละเอียดก็จะเป็นการตอบคำถามว่า ในการทำต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ทำเมื่อใด โดยใคร ด้วยงบประมาณเท่าใด และที่สำคัญคือ อะไรคือตัวชี้วัดว่าสิ่งที่เราทำนั้นบรรลุเป้าหมายหรือไม่

เรามาว่ากันต่อในคราวหน้าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น