สวัสดีครับ
ในครั้งนี้ผมขอเริ่มด้วยคำถามง่ายๆ ในการบริหารธุรกิจ ซึ่งคำถามมีอยู่ว่า “กิจการควรถือครองเงินสดไว้มากหรือน้อย” ก่อนที่จะอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ขอให้ผู้อ่านลองตอบคำถามในใจดูก่อนนะครับ
คำตอบที่ผมพบบ่อยได้มีอยู่ 3 คำตอบ ดังนี้ครับ
กิจการควรถือครองเงินสดไว้มาก เพราะอย่างไรมากไว้ก่อนย่อมดีกว่า เอาไว้สำรองใช้จ่าย ป้องกันการขาดสภาพคล่อง อีกทั้งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการบริหารงานโดยไม่ต้องกังวงเรื่องเงินสดขาดมือ และที่สำคัญ ยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึงสถานะความมั่นคงของกิจการอีกด้วย
กิจการควรถือครองเงินสดให้น้อย เพราะเงินสด เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนต่อผู้ถือครอง ไม่เหมือนกับการนำไปลงทุนใน สินค้าคงคลัง หรือ ลูกหนี้ ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าเพ่ิมกับกิจการ (ลงทุนในสินค้าคงคลังเพื่อรองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือ ขยายเครดิตให้กับลูกหนี้เพื่อกระตุ้นยอดขาย) ดังนั้นถ้ากิจการมีเงินสดมากเกินความต้องการ ก็ควรจะนำไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับกิจการจะดีกว่า
กิจการควรถือครองเงินสดแต่พอดี ซึ่งคำตอบนี้นี้เป็นคำตอบยอดนิยมครับ เมื่อผมถามคู่สนทนาต่อว่า พอดีคือแค่ไหน คำตอบที่ได้คือ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป (ฮา)
สำหรับผม คำตอบว่าถือครองเงินสดแต่พอดีนั้น ถูกต้องแล้วครับ แต่จะขอขยายความในเรื่องของการถือครองเงินสดกับความพอดี ว่ามีประเด็นใดที่เราต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
ความผันผวนของกระแสเงินสดสุทธิ อันเนื่องมาจาก ผลกระทบของรอบการดำเนินธุรกิจ ฤดูกาล ทำให้บางครั้งเงินสดมีมากเกินไป หรือ เงินสดขาดมือ ดังนั้นในกรณีนี้อาจต้องมีการถือเงินสดสำรอง เผื่อไว้มากหน่อย เพื่อป้องกันปัญหาการขาดสภาพคล่อง
การสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉิน ถึงแม้ว่ากระแสเงินสดสุทธิ อาจจะมีความผันผวนน้อย แต่ธุรกิจก็ต้องมีการกันเงินสดสำรองไว้เผื่อในกรณีที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้เช่น อุบัติเหตุ การขนส่งล่าช้า เครื่องจักรชำรุด ทำให้งานเสียหาย รายรับล่าช้าออกไป หรือ ก่อให้เกิดค่าปรับ
การสำรองไว้เพื่อซื้อสินทรัพย์ใหม่เพื่อทดแทนสินทรัพย์เดิมที่เสื่อมสภาพ เช่น เครื่องมือ เครื่องจักรที่หมดอายุการใช้งาน
การสำรองไว้เผื่อโอกาสทางธุรกิจใหม่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นและมีช่วงเวลาจำกัดในการตัดสินใจลงทุน
การถือเงินสดไว้มากเกินไป ก่อให้เกิดการเสียโอกาส เพราะเจ้าของกิจการ หรือผู้ลงทุนนั้น ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุน ถ้ากิจการไม่ได้นำเงินสดส่วนเกินไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทนในอัตราที่ผู้ลงทุนต้องการ (เช่น ผู้ลงทุนต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัท 15% ต่อปี แต่บริษัทนำเงินสดที่ถือครองไว้เป็นจำนวนมาก ฝากธนาคารหรือลงทุนในตราสารทางการเงินระยะสั้นได้ดอกเบี้ยเพียง 1-3% ต่อปี) ก็จะถือว่าบริษัทไม่ได้บริหารสินทรัพย์ให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้น เมื่อกิจการได้กันสำรองเงินสดไว้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น รวมถึงใช้ในการขยาย ปรับปรุงกิจการแล้ว ยังมีเงินเหลือ ก็ควรจ่ายคืนให้กับผู้ลงทุนไป ไม่ว่าจะเป็นในรูปของเงินปันผล หรือ การซื้อหุ้นคืน(สำหรับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์) เพื่อให้ผู้ลงทุนนำไปใช้จ่าย หรือ ลงทุนต่อในกิจการอื่นที่ให้ผลตอบแทนในอัตราที่ต้องการต่อไป
อนึ่ง หากคำนึงถึงการใช้เครดิตของกิจการที่มีในการกู้ยืมจากธนาคารร่วมด้วย ก็จะทำให้กิจการสามารถลดระดับเงินสดที่ถือครองลงไปได้อีกมาก เช่น วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี ที่ปกติกิจการสามารถนำมาใช้เพื่อบรรเทาความผันผวนของกระแสเงินสดแล้ว หากยังมีวงเงินเหลือ ก็อาจเผื่อไว้ใช้ในกรณีอื่นๆ ได้ด้วย ดังนั้น จึงสามารถลดระดับเงินสดที่ถือครองลงได้ และนำไปใช้ทำประโยชน์ในทางอื่น เพื่อก่อให้เกิดผลตอบแทนที่สูงขึ้นต่อไป