วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

การวิเคราะห์โครงการลงทุน (Capital Budgeting) 3: IRR

ในครั้งนี้เราจะมาว่ากันต่อด้วยเรื่องของ Internal Rate of Return (IRR) หรืออัตราผลตอบแทนภายใน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้วิเคราะห์การลงทุนที่เป็นที่นิยมไม่แพ้วิธี Net Present Value (NPV) หรือ การหามูลค่าปัจจุบันสุทธิ

ทั้งสองวิธีดังกล่าวมีหลักการพื้นฐานเดียวกันคือให้ความสำคัญกับค่าของเงินตามเวลา ซึ่งแปลว่ากระแสเงินสดจำนวนเดียวกันที่เกิดขึ้น ณ เวลาต่างกันนั้น ย่อมมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่งวิธีการคำนวณด้วย NPV จะใช้อัตราคิดลด (discount rate) หรือจะเรียกว่าเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสของเงินทุนก็ได้ ซึ่งเป็นค่าที่ถูกกำหนดขึ้น (หรือเกิดจากการคำนวณต้นทุนเงินจากแหล่งต่างๆ ทั้งเจ้าของและเจ้าหนี้ แล้วนำมาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ซึ่งจะได้ กล่าวถึงในโอกาสต่อไป) แล้วนำมาใช้ในคิดลดกระแสเงินสด โดยการหารกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นในแต่ละปีด้วย (1+ r)n ซึ่งในที่นี้ r คืออัตราคิดลด และ n คือระยะเวลา (ปี)

ยกตัวอย่าง การคำนวณผลตอบแทนโครงการที่มีต้นต้นทุนค่าเสียโอกาส 10% ซึ่งมีการลงทุนครั้งแรกเท่ากับ 100 และได้รับผลตอบแทนในปีต่อมาเป็นจำนวน 20,30,35,40 ตามลำดับ

ปัจจุบัน

สิ้นปีที่ 1

สิ้นปีที่ 2

สิ้นปีที่ 3

สิ้นปีที่ 4

1. กระแสเงินสด

-100

20

30

35

40

2.สูตรของตัวหาร

(1+0.1)0

(1+0.1)1

(1+0.1)2

(1+0.1)3

(1+0.1)4

3. ค่าของตัวหาร

1

1.1

1.21

1.33

1.46

4. มูลค่าปัจจุบัน(1)/(3)

-100

18.18

24.79

26.30

27.32

จะเห็นได้ว่าผลรวมของมูลค่าปัจจุบัน หรือ กระแสเงินสดสุทธิ (Net Present Value) มีค่าเท่ากับ -100 + 18.18 + 24.79 + 26.30 + 27.32 = -3.41 ซึ่งผลติดลบที่เกิดขึ้นจะทำให้เราตัดสินใจไม่ลงทุนเพราะมูลค่ากระแสเงินสดสุทธิไม่สามารถชดเชยกับต้นทุนค่าเสียโอกาส 10% ที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าไม่คำนึงถึงค่ามูลค่าปัจจุบันเลย จะคำนวณได้ว่ามีกำไรเท่ากับ -100 + 20 + 30 + 35 + 40 = 25

ถ้าถามว่า NPV ต้องมีค่าเท่าใดจึงจะตัดสินใจลงทุน คำตอบก็คือมากกว่าหรือเท่ากับ 0 ครับ ส่วนจะมากกว่าเท่าไรนั้นก็ถือเป็นกำไรส่วนเกิน เพราะการที่ผลตอบแทนทำให้ NPV = 0 นั้น แปลว่าได้ทุนคืน และ ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่ต้องการหรือคุ้มกับค่าเสียโอกาสแล้วนั่นเอง

ในกรณีที่เราไม่แน่ใจขึ้นว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสของเราเป็นเท่าไรแน่ (แต่อาจมีตัวเลขอยู่ในใจบ้างแล้ว) วิธีการ IRR จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น กล่าวคือ IRR จะเป็นอัตราคิดลดที่ทำให้ NPV = 0 ซึ่งแปลความว่าอัตราคิดลดที่คำนวณได้คืออัตราผลตอบแทนภายในของโครงการลงทุนนั้นๆ ลองพิจารณาตัวอย่างเดิม

ปัจจุบัน

สิ้นปีที่ 1

สิ้นปีที่ 2

สิ้นปีที่ 3

สิ้นปีที่ 4

1. กระแสเงินสด

-100

20

30

35

40

2.สูตรของตัวหาร

(1+r)0

(1+r)1

(1+r)2

(1+r)3

(1+r)4

สมการคือ -100/(1+r)0 + 20/(1+r)1 + 30/(1+r)2 + 35/(1+r)3 + 40/(1+r)4 = 0

ถอดสมการหาค่า r จะได้เท่ากับ -1.3% การคำนวณด้วยเครื่องคิดเลขอาจจะยากเกินไป ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้ function ในโปรแกรม EXCEL “= IRR(เลือกเซลล์ 5 เซลล์ที่ติดกันซึ่งบรรจุค่า -100,20,30,35,40)” ซึ่งเมื่อได้ค่า IRR ออกมาแล้ว ก็นำมาเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เราต้องการ ในที่นี้ถึงแม้ว่าเราไม่แน่ใจว่าเป็นเท่าใด แต่ด้วยค่า IRR ที่ติดลบ ก็ทำให้ตอบได้ว่าไม่ควรลงทุนในโครงการนี้

ลองทบทวนดูนะครับ แล้วจะพบว่าการทำความเข้าใจกับ NPR และ IRR ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด